Meeting Party ทุกศุกร์แรกของเดือน ณ iOffice หน้ากองบิน 41 เชียงใหม่

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ปรัชญาของมด


  
 
   
    ปรัชญาที่ 1 มดไม่เคยละความพยายาม
หากมันมุ่งหน้าไปทางทิศใด แล้วเกิดอุปสรรค = ถูกปิดกั้นหนทาง
มันจะพยายามหาทางเดินทางอื่น มันจะได้ขึ้นไต่ลงไต่ไปรอบๆมันจะมองหาหนทางอื่นเสมอ

ข้อคิด

จงอย่าละความพยายามในการหาหนทางไปสู่สิ่งที่หมายมาด
   
     
   
  ปรัชญาที่ 2   มดคิดถึงฤดูหนาวตลอดฤดูร้อน
มันไม่เคยรักสบายจนคิดเพียงว่าคิมหันต์ฤดู จะคงอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น มันจึงพยายามเก็บสะสมเสบียงไว้สำหรับเหมันต์ ตลอดฤดูคิมหันต์หรรษา

ข้อคิด

จงตะหนักถึงความเป็นจริง และเตรียมรับกับเหตุการณ์ในอนาคต
   
   
     
       
     
   
                       




  ปรัชญาที่ 3   มดคิดถึงฤดูร้อนตลอดฤดูหนาว
ท่ามกลางความหนาวเหน็บแห่งเหมันห์ มันจะเตือนตัวเองว่า"ความลำบากจะอยู่เพียงไม่นาน แล้วเราก็จะพ้นจากสภาวะเช่นนี้" เมื่อวันที่แสงแห่งความอบอุ่นแรกสาดส่อง มันจะออกมาเริงร่า หากอากาศกลับกลายเป็นหนาวอีกครั้ง มันจะเข้าไปในโพรงอีกครั้ง และออกมารับความอบอุ่นในวันอากาศดีโดยทันใด


 


  ข้อคิด
จงมองทุกสิ่งในเชิงบวกตลอดเวลา

ปรัชญาที่
4   ทุ่มเททุกสิ่งเท่าที่สามารถ
มดสามารถเก็บเกี่ยวเสบียงตลอดฤดูร้อนเพื่อเตรียมพร้อมฤดูหนาวให้มากเท่าที่มันจะทำได้

ข้อคิด

จงพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเต็มกำลัง




   
 

  สรุป

1)
อย่ายอมแพ้

2)
มองไปข้างหน้า

3)
มองโลกในแง่ดี

4)
ทำเต็มความสามารถ

   
 

                   
     
       
       
     
   
   
     
   
   



   
 
       
     
 
   




 

 
 
 
 
 
 


วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Re: No Plastic Fantastic PRoject

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_300wmdh2phc&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

No Plastic Fantastic PRoject

ถุงพลาสติกกับภาวะโลกร้อน

          ถึงเวลานี้ คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า ไม่รู้จักปรากฏการณ์สำคัญของโลกที่เรียกว่า ภาวะโลกร้อน (Global warming)

          ปีที่ผ่านมา ภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทยต้องเผชิญกับอากาศหนาวจัดกว่าหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาคกลางประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนภาคใต้ก็เจอกับพายุที่รุนแรงขึ้น ปัญหาทะเลกัดเซาะชายฝั่งเข้ามาลึกมากขึ้น  คงไม่ต้องย้ำกันอีกรอบ ตามที่วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์แห่งนิตยสารคดี บอกว่า ภาวะโลกร้อนได้มาเคาะประตูบ้านของเราแล้ว...

          เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการนานาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์กว่า ๒,๕๐๐ คน จาก ๑๓๐ ประเทศ ได้พบข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้วว่า สาเหตุของปัญหาโลกร้อน นั้น ร้อยละ ๙๐ มาจากการที่ มนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากเกินไป จนความร้อนจากพื้นโลกไม่สามารถสะท้อนออกนอกโลกได้ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงไปทั่วโลก

          ดังนั้นภารกิจที่เหล่ามนุษยชาติต้องรับผิดชอบร่วมกันก็คือ ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคารบอร์ไดออกไซด์ลงให้มากที่สุด เพื่อต่อเวลาให้กับโลกใบนี้ให้ยาวยิ่งขึ้น

          ถุงพลาสติกที่เราใช้รองรับสินและอาหาร ผลิตจากเม็ดพลาสติก จากอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ที่ใช้เพลิงฟอสซิลเป็นวัตถุดิบการผลิตถุงพลาสติกสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ในปริมาณมาก และด้วยต้นทุนที่ต่ำ เมื่อนำมาใช้จะมีอายุการใช้งานสั้น และส่วนใหญ่เป็นการใช้เพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะถุงขนาดเล็กและบางถุงที่ผ่านการใช้งานแล้วและถูกนำไปทิ้งจะเป็นภาระในการเก็บขน และจัดการเป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณลักษณะที่เบาบาง และมีปริมาณมากปะปนกับมูลฝอยประเภทอื่นๆ จะทำให้การย่อยสลายมูลฝอย เป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น

          ถ้าถามว่า “ลดใช้ถุงพลาสติกเกี่ยวอะไรกับโลกร้อน” และเราคนเดียว ลด หรือ ไม่ใช้ ถุงพลาสติก จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้? คำตอบคือ ได้

          ต้นเหตุสำคัญคือ ร้อยละ 90 มาจากมนุษย์ สร้างกิจกรรมเผาผลาญเชื้อเพลิง ส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ – CO2 ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากเกินความสามารถของโลกที่จะสะท้อนความร้อนจากพื้นโลกออกไปนอกโลกได้ทัน ผลคือ เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นผลกระทบระดับมหันตภัยทั้งสิ้น เช่น

          • พายุหมุนที่เกิดถี่ และรุนแรงมากขึ้น
          • ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก
          • สภาพอากาศที่แปรปรวน จนยากจะคาดเดา
          • ฤดูกาล และวงจรการเกษตรเปลี่ยนแปลง
          • โรคระบาดใหม่ๆ เป็นต้น

          ความเกี่ยวโยงระหว่างการใช้ถุงพลาสติกกับโลกร้อนคือ ยิ่งมีการใช้ถุงพลาสติกมากเท่าไหร่ ปริมาณ
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลก จากการเผาไหม้ในกิจกรรมการผลิต และเผาทำลายถุงพลาสติกก็จะยิ่งสูงมากขึ้น ตามมาด้วยปัญหามากมายจากมลพิษ

          ถุงพลาสติกมีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งถุงพลาสติก 1 ใบ ต้องใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี หากนำไปเผาก็จะทำให้เกิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งทำให้เกิดมลภาวะทำให้โลกร้อน และการใช้ถุงผ้าจะช่วยลดการปนเปื้อนของสารก่อมะเร็ง และหากทุกคนหันมาใช้ถุงผ้าเพียงสัปดาห์ละ 1 วัน จะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้มากกว่า 100 ล้านถุง/ปี

          ทั้งนี้ ปัจจุบัน (กันยายน 2550 ) กทม.ต้องเก็บขยะมากถึง 85,00 ตัน/วัน เป็นถุงพลาสติกถึงร้อยละ 21 หรือ 1,800 ตัน/วัน ดังนั้น หากเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายการเก็บขยะได้วันละ 1.78 ล้านบาท/วัน หรือคิดเป็น 650 ล้านบาท/ปี


ลดใช้ถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน

[ดูภาพทั้งหมดในหมวด]

หัวข้อ
ความจริงเกี่ยวกับพลาสติก 
          • ถุงพลาสติกเป็นสิ่งประดิษฐ์สุดวิเศษ น้ำหนักเบาในยุค 1960 ซึ่งพัฒนาขยายผลมาจาก เซลลูลอยด์ ที่สังเคราะห์ขึ้นจากความต้องการหาวัสดุทดแทนงาช้าง ในการผลิตลูกบิลเลียดในช่วงปี 1868
          • ถุงพลาสติกเป็นของใช้ยอดนิยมของคนทั่วโลก ในปัจจุบัน มียอดการใช้ 5 แสนล้าน ถึงล้านล้านใบต่อปี หรือเฉลี่ยทุก 1 นาทีมีการใช้ถุงหิ้วอย่างน้อย 1 ล้านใบ
          • และจำนวน 5 แสนล้านใบนี้ ต้องใช้พลังงานการผลิตจากน้ำมันจำนวน 9 พันล้านลิตร เทียบให้ชัดคือ พลังงานที่ใช้ผลิตถุงพลาสติก 8.7 ใบ สามารถเปลี่ยนไปเป็นน้ำมันให้รถวิ่งได้ไกล 1 กิโลเมตร
          • ถุงพลาสติกเป็นของใช้ที่มีอายุการใช้งานสั้น พร้อมเป็นขยะทันทีหลังการใช้ แต่ใช้เวลาในการย่อยสลายนานถึง 450 ปีเป็นอย่างน้อย
          • ถุงพลาสติกหูหิ้ว แม้จะเป็นชนิดที่นำไปรีไซเคิ้ลได้ แต่ปัจจุบันมีการนำกลับไปรีไซเคิ้ลน้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนที่ผลิตออกไป จากการสำรวจพบว่าทุกตารางกิโลเมตรทั่วโลกจะมีขยะพลาสติกราว 46,000 ชิ้น
          • ทุกปีผู้คนจับจ่ายซื้อของทั่วโลกใช้ถุงพลาสติก 10,000 ล้านใบต่อปี ซึ่งจะต้อง ใช้เวลา ย่อยสลาย นานกว่า 1,000 ปี
          • ถุงพลาสติก 1.6 ล้านใบ นำไปเรียงเป็นเส้นรอบวงโลกได้ 1 รอบ
          • ทุก 1 ตารางไมล์ จะพบถุงพลาสติก 46,000 ใบลอยในมหาสมุทร ซึ่งส่งผลให้แต่ละปีมีนกทะเลตาย 1 ล้านตัว และสัตว์ทะเลอื่นๆจำนวน 100,000 ตัว และปลาอีกนับไม่ถ้วน
          • แต่ละปีมีเต่าทะเล และสัตว์น้ำจำนวนมาก ตายจากการกินพลาสติก เพราะคิดว่าเป็นอาหาร เช่น แมงกะพรุน
          • ถุงพลาสติกที่คนไทยใช้ในหนึ่งปีนั้น ถ้าเอามาต่อกัน จะได้เป็นระยะทางเท่ากับ เดินทางไปกลับดวงจันทร์ 7 รอบเลยทีเดียว


ปัญหาจากการใช้ถุงพลาสติก 

          ประโยชน์เพียงเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้นๆ ของถุงพลาสติกได้ทำให้เกิดโทษต่อระบบนิเวศและชีวิตของผู้บริโภคต่อเนื่อง กว้างขวางและยาวนานในแต่ละสัปดาห์ คนไทยนำถุงพลาสติกกลับบ้านมากกว่า 100 ล้านถุง หรือมากกว่า 5000 ล้านถุงในแต่ละปี การนำถุงพลาสติกไปใช้ซ้ำอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนอย่างมากโดยเฉพาะการใช้ถุงพลาสติกใส่มูลฝอยจะทำให้เกิดการแปรสภาพมูลฝอยในภาวะที่ขาดอากาศเป็นผลให้เกิดก๊าซชีวภาพที่เป็นต้นเหตุของการเกิดภาวะเรือนกระจก และทำให้โลกร้อน

ถุงพลาสติกที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้ทำให้เกิดปัญหาที่สำคัญดังนี้
  •  การเสื่อมโทรมของดิน 
  •  การเสื่อมคุณภาพของน้ำ 
  •  เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำและบนบก 
  •  เป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดชีวภาพที่เป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ 
  •  ให้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่เป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกเผา 
  •  ทำให้เกิดการอุดตันในทางระบายน้ำ ปละทำให้เกิดน้ำท่วม 
  •  เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศ 
  •  เป็นต้นเหตุของการเพาะพันธุ์และแพร่กระจายของพาหะนำโรคและการแพร่ระบาดของโรคร้ายหลายชนิด 
  •  เป็นต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของการเดินทางทั้งทางบก และทางน้ำและทางอากาศ

          การผลิตและนำออกมาใช้มีปริมาณมากและต่อเนื่อง ขณะที่การย่อยสลายต้องใช้เวลายาวนานทำให้เกิดการสะสมปริมาณถุงพลาสติกเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อลดและป้องกันปัญหาหลากหลายที่เกิดจากถุงพลาสติก จำเป็นต้องลดการใช้ ด้วยการใช้ทางเลือกในการรองรับและขนส่งสินค้าและอาหาร แทนการใช้ถุงพลาสติก เช่นการใช้ถุงผ้า หรือวัสดุอื่นที่ย่อยสลายได้ และสามารถใช้ได้ยาวนาน ผู้บริโภคจะสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการมูลฝอย และลด-แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ถุงผ้า



การลดการใช้ถุงพาสติก 

          ถุงพลาสติกเป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมากเพราะย่อยสลายได้ยาก ใช้เวลาเป็นร้อยๆปี วิธีการกำจัดถุงพลาสติกนั้น มีอยู่ 2 วิธี คือ

          1. ฝัง : การฝังต้องใช้พื้นที่เยอะและพื้นที่นั้นก็จะทำการเกษตรไม่ได้อีกเลย เพราะ พลาสติกไม่ย่ิอยสลาย

          2. เผา : การเผานี้ ถ้าเผาไหมไม่สมบูรณ์ ก็จะมีก๊าซพิษออกมาด้วย แต่แม้ว่าจะเผาไหมสมบูรณ์ก็จะมีก็าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นก็าซเรือนกระจก มีคุณสมบัติอมความร้อน ไปปกครุมอยู่รอบโลก ทำให้โลกร้อนขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการเผาไหมก็ไม่มีทางที่จะสมบูรณ์ 100% ได้ ทำให้มีทั้งก๊าซพิษ และก๊าซเรือนกระจก

          จะกำจัดอย่างไร อย่างไรก็เป็นผลเสียทั้งนั้น พวกเราต้องช่วยกัน ลด งด ใช้ถุงพลาสติก โดยการ

          1. นำถุงผ้า หรือพาชนะไปใส่ของแทน แล้วก็พูดว่า "ไม่ต้องถุงก็ได้"  ตัวอย่างเช่น จะไปตลาดก็เอากระเป๋าผ้าและกล่องใส่อาหาร ไปใส่ของแทน ไปซื้อกับข้าวก็เอาปิ่นโตไปแทน ไม่ต้องเอาถุงพลาสติกทุกชนิดนะจ๊ะ

          2. ใช้ถุงกระดาษ อย่างเมืองนอกเวลาเราดูหนัง เขาซื้อของกลับมาบ้าน อุ้มถุงกระดาษเข้ามา ก็เพราะเขาไม่ต้องการใช้ถุงพลาสติกที่ย่อยสลายยากนั้นเอง ยังไงใช้ถุงกระดาษก็ยังดีกว่านะ อันนี้ก็ต้องขอความร่วมมือจากพ่อค้า แม่ค้า และห้างใหญ่ๆด้วย

          3. ใช้ถุงพลาสติกแบบย่อยสลายได้ ถุงแบบนี้ความจริงมีมานานแล้ว  ถุงพลาสติกแบบนี้จะผสมสารย่อยสลาย ซึ่งก็จะแทรกตัวอยู่ในโมเลกุลของเม็ดพลาสติก สารย่อยสลายนี้เมื่อเจอกับแสดงแดดก็จะทำปฏิกิริยากับเม็ดพลาสติก ให้โมเลกุลแตกสลาย ถุงแบบนี้จะใช้เวลา 1 ปีในการย่อยสลาย โดยจะเห็นได้ว่า ความเหนียวของถุง จะลดลงเรื่อยๆ จนไม่เหลือเลย



ข้อดีของการใช้ถุงผ้า 

          ถ้าคนเราใช้ถุงผ้าสัปดาห์ละ 1 วันจะช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกได้มากกว่า 100 ล้านถุงต่อปี ข้อดีของการใช้ถุงผ้ามีดังนี้  

          •  ซักทำความสะอาดได้โดยง่าย 
          •  นุ่มสบายมือน่าใช้ และไม่ก่อให้เกิดการกดทับอย่างรุนแรงต่อฝ่ามือเท่าถุงพลาสติก 
          •  ใช้ง่ายขาดยาก ตกแต่งได้ตามสไตล์ที่ชอบ 
          •  ย่อยสลายได้ ไม่ตกค้างจนเป็นปัญหาในสิ่งแวดล้อม 
          •  ทนทานและใช้ซ้ำได้มากครั้งกว่าถุงพลาสติก 
          •  ช่วยลดปริมาณมูลฝอย ไม่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก 
          •  ช่วยลดปัญหาโลกร้อน 
          •  บ่งบอกภาวะรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของผู้ใช้ 
          •  ใช้ถุงผ้าไปได้ทุกที่ ใส่ได้หลายอย่าง 
          •  ใช้เป็นสื่อรณรงค์เสริมสร้างความเข้าใจและความตระหนักในสิ่งแวดล้อมได้อย่างกว้างขวาง 
          •  ถุงผ้าดิบจะช่วยลดการเกิดและการปนเปื้อนของสารประกอบไดอ๊อกซินที่เป็นสารก่อมะเร็งที่มีอันตรายต่อชีวิต 
          •  พกพาติดตัวได้ง่าน และติดรถ พร้อมใช้งานในทุกโอกาส 
          •  ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

          เริ่มใช้ถุงผ้าตั้งแต่วันนี้ และแบ่งปันถุงผ้าที่มีอยู่แก่ผู้อื่น เพื่อขยายวงกว้างของความพยายามลดก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน


 
ลดใช้ถุงพลาสติก ลดภาวะโลกร้อน


การใช้ถุงกระดาษ

[ดูภาพทั้งหมดในหมวด
มาตรการควบคุมการใช้ถุงพลาสติกในต่างประเทศ 

          จากความร้ายแรงของภัยถุงพลาสติก ทำให้หลายๆ ประเทศมีมาตรการคุมกำเนิดถุงพลาสติกกันอย่างจริงจัง จนส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี เช่น

          • การประกาศห้ามใช้ถุงพลาสติกในบังกลาเทศ และออสเตรเลีย
          • การเก็บภาษีถุงพลาสติกในไอร์แลนด์
          • การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมถุงพลาสติกของไต้หวัน
          • การแขวนการ์ดไว้ที่แคชเชียร์ของห้างใหญ่ในเมืองฮิโรชิม่า ที่ญี่ปุ่น ถ้าลูกค้าไม่ต้องการถุง ก็ยกการ์ดขึ้น แล้วจะได้รับแต้มสะสมเพื่อสิทธิประโยชน์จากทางห้างต่อไปด้วย
          • ที่สิงคโปร์ ร่วมกันรณรงค์ โดยกำหนดให้วันพุธแรกของเดือนเป็นวันพกถุงช้อปปิ้ง หากไม่ได้เตรียมถุงไปก็ต้องจ่ายเงินเป็นค่าถุง ใบละ 0.1 เหรียญสิงคโปร์ หรือ 2.50 บาท
          • ซานฟรานซิสโก ออกกฎหมายห้ามใช้ถุงพลาสติก นับเป็นเมืองแรกของอเมริกา ประเทศที่ถือเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากที่สุด 
          • การประกาศตัวเป็นเมืองปลอดถุงพลาสติกของเมืองลีฟเรปิดส์ ในแคนาดา ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษเป็นค่าปรับหนักๆ คิดเป็นเงินไทยมากถึง 30,200 บาท
          • ส่วนในบ้านเรายังเป็นการรณรงค์ในลักษณะประปราย ที่เคยจัดกิจกรรมรณรงค์ครั้งใหญ่ๆ ก็เมื่อช่วง 2-3 ปีก่อน จากนั้นกระแสก็ซาไป และกลับมาคึกคักอีกครั้งในปีนี้ และที่น่าจะเป็นความหวังคือการพัฒนาวัสดุทดแทน “พลาสติกชีวภาพ” (bioplastic) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการศึกษา ไม่แน่ว่าบ้านเราอาจจะมีพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ พร้อมๆ กับที่ฝรั่งเศส ซึ่งออกกฎระเบียบให้เริ่มใช้พลาสติกชีวภาพ ในปี 2553

          ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นทั้งแนวคิด และแรงกระตุ้นให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในบ้านเรา ทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะซุปเปอร์สโตร์ข้ามชาติที่มีสาขาทั่วประเทศ และกำลังซื้อจากลูกค้ามหาศาล ร้านสะดวกซื้อขนาดย่อมที่กระจายอยู่แทบทุกซอยในกรุงเทพ และตัวเมืองของทุกจังหวัด จับมือกันสร้างกระแสนี้ให้เป็นจริงในเมืองไทย

          จะให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวที่เราทำได้ หรือจะปล่อยให้เป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวที่เราไม่เคยคิดจะทำ คำตอบอยู่ที่ใจคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก

http://guru.sanook.com/pedia/spedia.php

ลดอุณหภูมิโลก ลดการบริโภค 

www.thaivolunteer.org

คนไทยร่วมใจใช้ถุงผ้า
www.greenleafthai.org

ร่วมมือจุดปลี่ยน ลด งด ใช้ถุงพลาสติก
http://developed-thailand.blogspot.com

"ไม่เอาถุง" กู้โลกร้อน ?? โดย : Whiskas
http://webboard.mthai.com/7/2007-08-29/342384.html

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Brain Damaging Habits

สั่งจิตตนเองให้งดสิ่งที่เป็นอันตรา ยต่อสุขภาพ
บอกกับตนเองว่า สุขภาพของเราต้องแข็งแรง ตลอดกาล ไม่มีอะไรทำลายสุขภาพของเราได้

BRAIN DAMAGING HABITS (อุปนิสัยคนเราที่ทำลายการทำงานของสมอง)

cid:1.1724009919@web50306.mail.re2.yahoo.com

1. No Breakfast ไม่ทานอาหารเช้า ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีผลต่อการทำงานของสมอง

People who do not take breakfast are going to have a lower blood sugar level. This leads to an insufficient supply of nutrients to the brain causing brain degeneration.


2 . Overeating=2.0 การอาหารทานมากเกินไปทำให้เส้น เลือดในสมองหนามีการเกาะตัวของไขมัน การทำงานสมองช้าลง

It causes hardening of the brain arteries, leading to a decrease in mental power.


3. Smoking การสูบบุหรี่  ช่วยให้สมองฝ่อ  เกิดเป็นโรคอัลไซเมอร์ตามมมา

It causes multiple brain shrinkage and may lead to Alzheimer disease.


4. High Sugar consumption การทานหวานมาก น้ำตาลจะไปขัดขวางการดูดซึมของ โปรตีนและสารอาหาร   เป็นสาเหตุที่ตามมาของการทำงานที่ดีของสมอง

Too much sugar will interrupt the absorption of proteins and nutrients causing malnutrition and may interfere with brain development.


5. Air Pollution อากาศเป็นพิษ  สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการอ๊อกซิเจนมากที่สุด ในร่างกาย อากาศเสียส่งผลต่อการทำงานของสมองโดยตรง

The brain is the largest oxygen consumer in our body. Inhaling polluted air decreases the supply of oxygen to the brain, bringing about a decrease in brain efficiency.


6 . Sleep Deprivation การอดนอน ทำให้เซลสมองไม่ได้รับการทดแทนจากการฟักตัวของเซลใหม่ เซลสมองที่ตายแล้วจะสะสมมีปริมาณมาก เป็นอันตรายในระยะยาว

Sleep allows our brain to rest.. Long term deprivation from sleep will accelerate the death of brain cells..


7. Head covered while sleeping การคลุมหน้าเวลาหลับ  ช่วยให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซที่หายใจออกมาสะสม  ก๊าซออกซิเจนที่ต้องการมีไม่พอ  สมองจะค่อยๆถูกทำลาย

Sleeping with the head covered increases the concentration of carbon dioxide and decrease concentration of oxygen that may lead to brain damaging effects.


8. Working your brain during illness การทำงานหรืออ่านหนังสือคร่ำเคร่งเวลาป่วยไข้ไม่สบาย  นอกจากลดประสิทธิภาพการใช้งานสมองแล้ว  ยังช่วยทำลายสมองอีกด้วย

Working hard or studying with sickness may lead to a decrease in effectiveness of the brain as well as damage the brain.


9. Lacking in stimulating thoughts การไม่ใช้สมองเหมือนไม่ออกกำลังกายให้มัน  มีผลต่อการทำให้สมองฝ่อ  การใช้ความคิดเป็นการฝึกความจำที่ดี  (คนอายุมากควรฝึกบ่อย)

Thinking is the best way to train our brain, lacking in brain stimulation thoughts may cause brain shrinkage.


10. Talking Rarely คนไม่ค่อยพูดกับใคร มักมีปัญหา  เพราะการพูดคุยช่วยให้สมองมีการทำงาน และพัฒนา  (การคุยแบบสร้างสรรค์  ไม่ใช่ชวนทะเลาะ)

Intellectual conversations will promote the efficiency of the brain


The main causes of liver damage are: สาเหตุการทำลายตับ


cid:2.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

1. Sleeping too late and waking up too late are main cause. การนอนและตื่นสาย ทำให้ตับทำงานผิดเวลา เป็นสาเหตุหลัก

2. Not urinating in the morning. ไม่ฉี่ในตอนเช้า หรือตื่นนอน  น้ำปัสสาวะเลยไปขังเหม็นในตับ ตับไม่สดชื่น

3 . Too much eating. กินมากไป  ทำให้การทำงานเกินกำลังของตับในการก รองสารอาหาร  ทั้งแอลล์กอฮอล์  น้ำหวาน ไขมัน ฯลฯ

4. Skipping breakfast. การงดทานอะไรในตอนเช้า  น้ำย่อยกับตับต้องมีการทำงาน

5. Consuming too much medication. การเป็นคนชอบทานยาหลายขนาน  มากๆ ย่อยๆ และประจำ  สารจากยาสังเคราะห์สมัยใหม่จะไปสะสมที่ตับ ช่วยให้ตับเสียเร็วในระยะยาว

6. Consuming too much preservatives, additives, food coloring, and artificial sweetener. การเลือกทานอาหารที่ใช้สารกันบูด  สารเพิ่มรสชาติ สารใส่สี น้ำตาลเทียม ล้วนเป็นสิ่งดีๆที่ไปสะสมทำลายตับในระยะยาว

7. Consuming unhealthy cooking oil. การทานน้ำมันปรุงอาหารที่ไม่ถูก สุขลักษณะ เช่น น้ำมันทอดซ้ำมากๆ เวลาเหนื่อยมากๆไม่ควรทานอาหารทอด แต่ถ้าร่างกายแข็งแรงก็ไม่เป็นไร ยังทนได้?

As much as possible reduce cooking oil use when frying, which includes even the best cooking oils like olive oil. Do not consume fried foods when you are tired, except if the body is  very fit.


8. Consuming raw (overly done) foods also add to the burden of liver. การทานของดิบช่วยทำลายตับได้อย่า งดี  ควรปรุงสุกก่อนทุกครั้ง  และอาหารทอดควรทานให้หมด ไม่ควรเก็บไว้ทานภายหลัง  เพราะน้ำมันที่ทอดในอาหารจะแปรสภาพอิ่มตัว

Veggies should be eaten raw or cooked 3-5 parts. Fried veggies should be finished in one sitting, do not store.

We should prevent this without necessarily spending more. We just have to adopt a good daily lifestyle and eating habits. Maintaining good eating habits and time condition are very important for our bodies to absorb and get rid of unnecessary chemicals according to 'schedule.'


The top five cancer-causing foods are: อาหารชั้นเลิศที่มะเร็งถามหา



1.. Hot Dogs ฮ็อตดอก เด็กไม่ควรทานเกิน 12 ชิ้นต่อเดือน เพราะใส่สารโซเดียมในเตรตมาก คนที่ชอบทานควรเลือกสูตรที่ไม่ผสมโซเดียมในเตรต


cid:3.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

Because they are high in nitrates, the Cancer Prevention Coalition advises that children eat no more than 12 hot dogs a month. If you can't live without hot dogs, buy those made without sodium nitrate.




2. Processed meats and Bacon เนื้อต่างๆที่ผ่านกระบวนการแปรรูป และหมูเบคอน จะพบว่าใส่สารโซเดียมในเตรตมาก มีผลต่อการเกิดโรคหัวใจ ตัวเบคอนเองก็มีไขมันอิ่มตัวที่ไปช่วยการเติบโตของมะเร็ง


cid:4.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.comcid:5.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

Also high in the same sodium nitrates found in hot dogs, bacon, and other processed meats raise the risk of heart disease. The saturated fat in bacon also contributes to cancer.




3. Doughnuts โดนัท  เป็นของชอบที่สุดของมะเร็ง เพราะมีสารและการปรุงที่ถูกวิธี คือ ป้ง น้ำตาล และน้ำมันที่ผ่านกระ บวนการไฮโดรเจนแล้ว ทอดในอุณหภูมิที่สูง เพราะฉะนันคนที่มะเร็งถามหา หรือยังไม่หา ต้องระวังเป็นพิเศษ


cid:6.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

Doughnuts are cancer-causing double trouble. First, they are made with white flour, sugar, and hydrogenated oils, then fried at high temperatures. Doughnuts, says Adams , may be the worst food you can possibly eat to raise your risk of cancer.


4. French fries มันฝรั่งทอด มีคุณสมบัติดีเด่นเหมือนกับโดนัท ที่ต้องทอดในอุณหภูมิสูงเช่นกัน แต่เด่นกว่าในการผลิตสาร อะครีล อาไมล์ ที่เป็นตัวกระตุ้นมะเร็ง  เป็นสุดยอดอาหารมะเร็งถามหา


cid:7..1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

Like doughnuts, French fries are made with hydrogenated oils and then fried at high temperatures. They also contain cancer- causing acryl amides which occur during the frying process. They should be called cancer fries, not French fries, said Adams .


5. Chips, crackers, and cookies มันฝรั่งทอดแบบแผ่น ขนมปังแคร๊กเกอร์ และขนมคุ๊กกี้ ทำจากแป้งและน้ำตาล (เหมือนโดนัท)  ของต้องห้ามสำหรับคนเกิดปีมะเร็ง


cid:8.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.comcid:9.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.comcid:10.1724009922@web50306.mail.re2.yahoo.com

All are usually made with white flour and sugar. Even the ones whose labels claim to be free of trans-fats generally contain small amounts of trans-fats.

วันจันทร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Re: Draw.to l สเก็ตซ์ภาพได้ทุกที่ วาดทันทีที่นึกได้

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_299gc4bcqch&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

Draw.to l สเก็ตซ์ภาพได้ทุกที่ วาดทันทีที่นึกได้

       

       เมื่อกลางปีที่แล้ว วงการสื่อสิ่งพิมพ์ทั่วโลกต่างพูดถึงภาพศิลปะหน้าปกนิตยสาร เดอะ นิวยอร์กเกอร์ (The New Yorker) ฉบับต้นเดือนมิถุนายน 2009 ว่าเป็นความแปลกใหม่ และสร้างสีสันให้กับวงการสื่อสิ่งพิมพ์เป็นอย่างมาก เพราะภาพๆ นั้นมิได้เป็นภาพดาราดังที่ผ่านการรีทัช ตัดต่อ แต่อย่างใด แต่กลับเป็นภาพศิลปะที่วาดด้วยนิ้วมือของคุณจอร์จ โคลอมโบ จากโปรแกรม Brushes ของมือถือไอโฟน โดยเลือกเอาวิวด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดาม ทูสโซด์ ณ ไทม์ สแควร์ นิวยอร์ก มาเป็นฉากหลัง

       

       วันนี้จึงอยากแนะนำโปรแกรมที่ใกล้เคียงกัน แต่สามารถใช้งานได้ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือไอโฟน รวมไปถึงแกดเจ็ทใหม่ดังคับโลกอย่างไอแพดด้วย
       
       Draw.to คือ เว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เสมือนสมุดสเก็ตซ์ภาพดิจิตอล ที่คุณสามารถใช้งานได้ทั้งบนหน้าจอพีซี ไอโฟน และไอแพด โดยไม่ต้องลงโปรแกรม ไม่ต้องสมัครสมาชิก และไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้คุณยังสามารถดูฝีมือการวาดภาพเจ๋งๆ ของเพื่อนๆ ทั่วโลกได้ หรือจะไปร่วมวาดภาพบนภาพที่เขาวาดไว้แล้วก็ยังได้

       วิธีการใช้งาน Draw.to
       

       บนเว็บไซต์ และไอแพด พิมพ์ http://Draw.to
       
       บนไอโฟน พิมพ์ http://m.Draw.to

       

       จากนั้นก็เลือกหัวปากกา เลือกสี หากต้องการลบก็กดปุ่มยางลบ และหากต้องการเริ่มวาดใหม่ทั้งหมดให้กดที่ปุ่ม Clear
       
       อย่างไรก็ดี บนเว็บไซต์จะมีฟีเจอร์ให้พิมพ์ข้อความได้ (เมื่อพิมพ์เสร็จให้เอาเม้าส์ไปคลิกในภาพตรงตำแหน่งที่ต้องการ ก็จะมีข้อความปรากฎขึ้น) แต่บนไอโฟน จะไม่เห็นฟีเจอร์นี้
       
       เมื่อวาดจนพอใจแล้ว กดปุ่ม Share คุณก็จะเห็นลิงก์ของภาพวาดนั้น

       

       * สามารถคัดลอกและนำไปส่งให้เพื่อนผ่าน MSN, SMS
       * โพสภาพนั้นอวดคนทั้งโลกได้ๆ ผ่านทั้งทางเว็บทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ก กูเกิล บัซ ฯลฯ
       * กดปุ่ม EMBED เพื่อนำโค้ดของภาพไปแปะที่เว็บไซต์ หรือบล็อกก็ได้
       
       ปุ่มลัดเพื่อการวาดภาพได้สะดวกขึ้น
       

       กดปุ่ม CTRL+Z เพื่อ ยกเลิกการวาดเส้นล่าสุด
       กดปุ่ม CTRL+Y เพื่อ นำภาพที่เพิ่งลบไปกลับมาอีกครั้ง
       
       อยากวาดภาพต่อจากภาพที่มีอยู่แล้วทำอย่างไร?
       


       ที่หมวดแกลลอรี่ คุณจะเห็นว่ามีภาพเจ๋งๆ จากศิลปินสมัครเล่นทั่วโลกมาอวดโฉมกันที่นี่ คุณสามารถกดปุ่มที่เขียนว่า Fork มันก็จะเปิดภาพนั้นขึ้นมาให้ คุณก็ใช้เครื่องมือเดิมในการตกแต่งภาพเพิ่มเติม เมื่อตกแต่งเสร็จก็จะได้ลิงก์ที่อยู่เว็บใหม่ ให้คุณส่งต่อให้เพื่อนได้
       
       เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ Draw.to
       
       ผู้พัฒนาเว็บไซต์มีเพียง 2 คน คือโปรแกรมเมอร์ และดีไซน์เนอร์ ทำการอยู่ที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และเพิ่งลงมือสร้างเว็บเก๋ๆ นี้ให้แล้วเสร็จเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา และขณะนี้เว็บยังเป็นเวอร์ชันทดลองใช้ แต่ก็สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์30 เมษายน 2553 14:09 น.