Meeting Party ทุกศุกร์แรกของเดือน ณ iOffice หน้ากองบิน 41 เชียงใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552

"Every thought is a seed. If you plant crab apples, don't count on harvesting golden delicious."
-- Bill Meyer

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2552

แจ้งเกิด"ห้องสมุดดิจิตอลโลก"ในนามยูเอ็น




คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
เจมส์ บิลลิงตัน (James Billington) บรรณารักษ์ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน

บรรยากาศการเปิดตัวที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส

ตัวอย่างเอกสารภาษาอาหรับที่ถูกนำมาแสดงในห้องสมุดดิจิตอลโลก

ตัวอย่างภาพถ่ายขนาดใหญ่ที่มีในห้องสมุดดิจิตอลโลก ขอบคุณภาพจากเอเอฟพี

ห้องสมุดดิจิตอลโลกหรือ World Digital Library เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก (UNESCO) ที่กรุงปารีส เปิดกว้างให้ประชากรโลกสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้หลากรู้แบบทั้งหนังสือ แผนที่ เมนูสคริปต์ ภาพยนตร์ และรูปภาพได้ฟรีไม่ว่าผู้ใช้จะอยู่มุมไหนบนโลกกลมๆใบนี้
       
       นี่คือห้องสมุดดิจิตอลเสรีขนาดใหญ่แห่งที่ 3 แล้วนับตั้งแต่โลกได้รู้จักบริการสแกนหนังสือเพื่อการค้นหาของกูเกิล Google Book Search และโครงการองค์ความรู้ออนไลน์ของสหภาพยุโรป (EU) นาม Europeana สำหรับโครงการห้องสมุดดิจิตอลโลกที่เปิดให้บริการในนามสหประชาชาตินี้เปิด ให้บริการที่ wdl.org ให้ประชากรโลกได้เข้าชมภาพวาดและข้อมูลวัตถุโบราณของจีน ศิลปะเปอร์เซีย ไปจนถึงหลักฐานประวัติศาสตร์จากภาพถ่ายในพื้นที่ลาตินอเมริกาโดยไม่เสียค่า ใช้จ่ายใดๆ
       
       โครงการนี้มีเจมส์ บิลลิงตัน (James Billington) บรรณารักษ์ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกัน และโคอิชิโร มัตซุอุระ (Koichiro Matsuura) ผู้อำนวยการทั่วไปยูเนสโกดำเนินงานร่วมกัน บนจุดประสงค์เพื่อให้ประชากรโลกเข้าถึงข้อมูลจากห้องสมุดและแหล่งข้อมูลทั่ว โลกได้อย่างทั่วถึง เน้นการเผยแพร่ข้อมูลซีกโลกตะวันออก เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างสองวัฒนธรรมที่ดีขึ้น และช่วยให้คณาจารย์ทั่วโลกมีแหล่งค้นหาข้อมูลการสอนใหม่ๆที่ถูกต้องและครบ ถ้วน
       
       ผู้ที่รับหน้าที่ให้บริการโครงการนี้คือองค์การวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการศึกษาของสหประชาชาติหรือ UN Educational, Scientific and Cultural Organization ร่วมกับสถาบันพันธมิตรอีกกว่า 32 แห่ง ผู้พัฒนาคอนเทนท์ภายในคือห้องสมุดรัฐสภาสหรัฐฯหรือ US Library of Congress ห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกขณะนี้ เริ่มทดสอบโครงการตั้งแต่ปี 2007 หรือ 2 ปีที่แล้ว ให้บริการ 7 ภาษาหลักของโลก ได้แก่ ภาษาอาหรับ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส รัสเซีย และภาษาสเปน โดยมีข้อมูลทางวัฒนธรรมเพิ่มเติมในภาษาอื่นจาก 19 สถาบันวัฒนธรรมและห้องสมุดทั่วโลกด้วย เช่น สถาบันจากประเทศบราซิล อังกฤษ จีน อียิปต์ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอเมริกา
       
       รายงาน ระบุว่าข้อมูลที่ worlddigitallibrary.org ได้จากสถาบันเหล่านี้ไม่ใช่ข้อมูลพิเศษที่สถาบันมอบให้กับ worlddigitallibrary.org รายเดียว แต่ก็เป็นข้อมูลที่มีความละเอียดเหมาะแก่การค้นคว้าของผู้เชี่ยวชาญ โดยคณะทำงานตั้งความหวังว่าจะขยายเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม 60 ประเทศในปีนี้ เช่นสถาบันในโมร็อคโค ยูกันดา แมกซีโก และสโลวาเกีย ที่ได้ตกลงเซ็นเอ็มโอยูในการทำงานร่วมกันในโครงการนี้แล้ว
       
       อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถือว่าแจ้งเกิดช้าเนื่องจากบริษัทเอกชนอย่างกูเกิลได้เปิดตัว บริการค้นหาหนังสือออนไลน์ลักษณะคล้ายกับห้องสมุดโลกแล้วในชื่อ Google Book Search ตั้งแต่ปี 2004 มีการสแกนหนังสือกว่า 7 ล้านเล่มและอัปโหลดขึ้นไปเก็บไว้ใน books.google.com บนความร่วมมือระหว่างห้องสมุดในมหาวิทยาลัยทั่วสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ แต่แล้วกูเกิลก็ต้องปวดหัวกับปัญหาลิขสิทธิ์หนังสือทั้งจากผู้เขียนและสำนัก พิมพ์ของสหรัฐฯเอง กระทั่งต้องเสียเงินยอมความไปกว่า 125 ล้านเหรียญและดำเนินการเจรจาเพื่อยุติปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี
       
       สรุปผลการเจรจาของกูเกิลและเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือที่เกิดขึ้นใน เดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น ปรากฏว่าหนังสือที่เป็นสมบัติสาธารณะ จะเปิดให้ผู้ใช้กูเกิลดาวน์โหลดหนังสือได้ทั้งเล่ม ขณะที่หนังสือสงวนลิขสิทธิ์จะเปิดให้ผู้ใช้ชมฟรีได้ 20 เปอร์เซ็นต์ของหนังสือ ซึ่งหากต้องการใช้เพิ่มเติมจะต้องชำระเงินให้เจ้าของลิขสิทธิ์ วิธีการนี้เป็นที่พอใจของสำนักพิมพ์และผู้แต่งหนังสือเนื่องจากสามารถหาราย ได้ทั้งในแง่การขายและการโฆษณา
       
       ปลายปี 2006 ยักษ์ใหญ่ซอฟต์แวร์อย่างไมโครซอฟท์ (Microsoft) ออกมาเปิดตัวโครงการห้องสมุดเช่นกัน แต่กลับประกาศยกเลิกโครงการไปใน 18 เดือนถัดมาทั้งที่ได้สแกนหนังสือไปแล้วกว่า 750,000 เล่มซึ่งแปลว่าไมโครซอฟท์ยอมถอยทัพให้กูเกิลแต่โดยดี
       
       โครงการสาธารณะที่ถือว่าเป็นทางเลือกอื่นนอกจาก Google Books คือโครงการห้องสมุดดิจิตอลของสหภาพยุโรปนาม Europeana ให้บริการที่ www.europeana.eu มีกำหนดการทดสอบบริการถึงปี 2010 ปัจจุบันมีผู้ชมราว 40,000 คนต่อวัน เปิดให้ผู้ใช้เข้าถึงสื่อสาธารณะ 4.6 ล้านชิ้น เช่น หนังสือ ภาพยนตร์ ภาพวาด ภาพถ่าย เสียง แผนที่ เมนูสคริปต์ และหนังสือพิมพ์เก่าซึ่งถูกเก็บในนานาห้องสมุดของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป คาดว่าจะมีสื่อสาธารณะถูกสแกนและอัปโหลดเพิ่มเป็น 10 ล้านชิ้นในปี 2010
       
       Company Related Links :
       WorldDigitalLibrary

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์22 เมษายน 2552 14:32 น.

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

กินต้านแก่..สาว 40+ ต้องอ่าน


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 เมษายน 2552 14:02 น.
       เรื่องของการกินอย่างทรงคุณค่านั้นถือว่ามีความสำคัญมากกับชีวิตมนุษย์เรา ดังภาษิตฝรั่งที่ว่า “You are what you eat” หรือ “กินอย่างไร ก็เป็นอย่างนั้น” ซึ่ง ถือเป็นความเชื่อที่ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง และปัจจุบันในสังคมตะวันตกเองยังให้ความสำคัญในเรื่องของการกินเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากประชากรของเขาโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกากำลังถูกคุกคามด้วยโรคภัย สมัยใหม่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหลอดเลือด โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับคนไทยเราเองพบว่า ปัจจุบันเป็นโรคดังกล่าวอยู่ในสัดส่วนที่สูงมากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุ เพราะฉะนั้นวิธีการยับยั้ง หรือชะลอการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงการต้านความชราควรต้องเริ่มกันตั้งแต่ที่ต้นตอ นั่นคือเรื่องของ “การกิน”
       


       จากความสำคัญในเรื่องของอาหารการกินนี้เอง บริษัท รักลูกกรุ๊ป ในส่วนงาน Women Media Business ได้จัดงานเสวนาภายใต้ชื่อ “Anti-Aging Diet กินต้านแก่” เมื่อวันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2552 ที่ผ่านมา โดย มีวิทยากรหลายท่านมาร่วมแบ่งปันความรู้เรื่องของการกินเพื่อชะลอวัยสำหรับ สาววัย 40+ ซึ่งชี้ให้เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ถึงหลักการกินอาหารอย่างถูกต้อง ตามหลัก Anti-Aging Diet ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนไทยในปัจจุบัน
       
       
ศาสตร์ ในเรื่อง “เอนไท เอจจิ้ง ไดเอท” (Anti-Aging Diet) จึงเกิดขึ้นมาเพื่อป้องกัน และชะลอความเสื่อมของร่างกายที่มิใช่เพียงแค่เพื่อความสวยความงามเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงการรู้จักเลือกรับสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง และปลอดจากโรคภัย ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนควรหันมาใส่ใจมากขึ้น
       
       พญ. อัจจิมา สุวรรณจินดา ผู้อำนวยการสถาบัน Medisci แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และอายุรวัฒน์ ได้ขยายความถึงความสำคัญของการกินเพื่อต้านชราด้วยอาหารอายุวัฒนะ เพื่อคงไว้ซึ่งความมีสุขภาพที่แข็งแรง และอายุที่ยืนยาว รวมถึงการรักษาความอ่อนเยาว์แห่งวัย

       “Anti-Aging Diet เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารชะลอวัยที่ปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจ และมีการวิจัยอย่างจริงจังในตะวันตก เพื่อศึกษาถึงผลกระทบของอาหารที่มีผลต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ โดยศึกษาว่าอาหารชนิดใดที่ช่วยส่งเสริมให้กลไกต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างเป็นปกติ และอาหารใดที่ช่วยปกป้อง และรักษาโรคบางอย่างได้ ทั้งนี้ยังมีการศึกษาถึงหลักในการกินอาหารที่จะช่วยกระตุ้นและส่งเสริมระบบ ต่างๆ ของร่างกายที่ช่วยให้ร่างกายปลอดโรค และยืดอายุขัยของมนุษย์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น”
       
       การทานอาหารให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพนั้นควรทานให้ครบทุกมื้อ ทุกหมู่ โดยหลีกเลี่ยงการปรุงรสต่างๆ เพิ่มเติม เพราะอาหารรสจัดมันจะทำลายระบบการย่อย และการดูดซึมของร่างกาย อาจทำให้เกิดภาวะไส้รั่วตอนอายุมากได้ ซึ่งเป็นภาวะที่ผนังเยื่อบุลำไส้มีความผิดปกติทำให้มีร่องเกิดขึ้นตามผิว เยี่อบุ เมื่ออาหารลงไปแทนที่จะถูกย่อย และดูดซึมเข้าไปในร่างกาย แต่ร่างกายจะคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เกิดการต่อต้านแสดงออกมาเป็นอาการแพ้ ท้องอืด กรดไหลย้อนได้
       
       ที่สำคัญควรเลือกทานอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารครบถ้วน และไม่ควรรีบเร่งในการทานอาหาร เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการติดคอแล้ว ยังอาจทำให้การย่อย รวมถึงการดูดซึมสารอาหารมีปัญหา ดังนั้นควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด และหลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และสำหรับผู้ที่มีอายุมาก และระบบการย่อยไม่ดี หากจำเป็นต้องทานอาหารเสริมควรเลือกจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้
       
       นอกจากนี้ คุณหมอยังฝากถึงเรื่องของการขับพิษออกจากร่างกาย หรือการดีท็อกซ์ โดยแนะว่าควรขับถ่ายทุกวัน และออกกำลังกาย เพื่อขับสารพิษออกทางเหงื่อ หรือการนอนแช่น้ำอุ่นที่ผสมน้ำแอบเปิ้ลไซเดอร์ประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งอาจมีอาการของผื่นแดง เพราะร่างกายได้ขับสารพิษบางอย่างออกไป
       
       ท้ายสุด คุณหมอยังกำชับอีกว่า เรื่องของสภาพจิตใจถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ชีวิตมนุษย์แข็งแรง และมีความสุขได้อย่างยั่งยืน เมื่อสมองผ่อนคลาย กินอิ่ม นอนหลับ ก็ส่งผลถึงระบบอวัยวะภายในร่างกายที่สามารถดำเนินไปอย่างเป็นปกติ

       คุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ นักเขียน และผู้เชี่ยวชาญเรื่องจีน ได้มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการดูแลตัวเอง พร้อมบอกเล่าถึงหลักการเลือกกินอยู่แบบชนชาติจีน ซึ่งถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจอีกชาติหนึ่ง โดยเฉพาะการเลือกอาหารในความเชื่อของชาวจีนที่ช่วยต้านแก่ได้นั้น คำนึงถึงเรื่องของ “หยินหยาง” ถือว่าเป็นการรักษาอุณหภูมิของร่างกาย เช่น หากทำงานหนักนอนน้อย อาจเกิดการท้องผูก ระบบอวัยวะภายในจะร้อน มีผลทำให้เกิดแผลในปาก มีอาการเจ็บคอ หรืออาจเกิดเป็นมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองหากไม่ได้รับการดูแล
       
       “คนไทยรับวัฒนธรรมการกินอยู่แบบชาวจีนมาเป็นเวลานาน เห็นได้จากช่วงหน้าร้อนก็จะมีการต้มน้ำพืชผักเพื่อดับร้อน เช่น ดอกเก็กฮวย เฉาก๊วย คนจีนจะดื่มน้ำที่มีรสชาติขม เพื่อผ่อนร้อนในตัวเอง โดยอาจจะต้มถั่วเขียว
       
       ส่วนคนไทยกินข้าวแช่ น้ำมะตูม ส่วนในฤดูหนาวจะมีต้มเลือดหมูใส่จิงจูไฉ่ ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยล้างปอด และอาหารจีนมักอาศัยความเชื่อเหมือนฮวงจุ้ยซึ่งเป็นพลังที่มองไม่เห็น ดังนั้นต้องอาศัยสัญชาตญาณในการพิจารณาว่าสิ่งใดที่เหมาะสมกับตนที่สุด ซึ่งถ้าเป็นคนจิตใจดี ร่างกายก็จะสั่งว่าต้องการอะไรเนื้อสัตว์ หรือผักสด ดังนั้นควรฝึกจิตให้มีสติในการเลือกสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง”

       คุณแพร ดวงกมล เวปุลละ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารจากสถาบัน Le Cordon Bleu ประเทศอังกฤษ และกำลังเปิดคอร์สสอนทำอาหาร MY Place Cooking At Home
       
       ได้สาธิตเมนูสุขภาพชะลอวัย “พีชสลัดกับสโมกแซลมอน” พร้อมฝากถึงสาวผู้รักสุขภาพ และความงามทุกท่านว่า
       
       “คนไทยเคยชินกับการกินผักผลไม้ เพราะบ้านเมืองเราเป็นแหล่งของพืชผักผลไม้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเริ่มจากสิ่งที่เรามี เลือกถูกหลัก และถูกปาก
       
       ที่สำคัญ ตนเองเป็นคนสุขนิยมในการกิน และไม่อยู่กับทุกข์นานๆ ดังนั้นเวลาทำอะไร เลือกกินอะไรจะต้องทำอย่างมีสติ รู้เท่าทันอารมณ์ของตน เพียงเท่านี้สุขภาพที่แข็งแรงก็จะเป็นของตัวเองได้อย่างง่ายๆ”

       ของฝาก
       

       สุดยอดอาหารต้านชรา (The Anti-Aging Super Food) ที่จะช่วยปกป้องร่างกาย และต่อต้านอนุมูลอิสระ เพื่อผิวพรรณแลดูอ่อนวัยได้อย่างยาวนาน
       


       มะเขือเทศ และซอสมะเขือเทศ มีสารที่เรียกว่า “ไลโคพีน” ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ มะเร็งบางชนิด และโรคจอประสาทตาเสื่อม
       
       มันเทศ ฟักทอง และแครอต รับ ประทานผักและผลไม้สีเหลืองอย่างน้อยวันละสองถ้วยจะช่วยให้ร่างกายได้รับ เบต้า-แคโรทีน จำเป็นต่อผิวหนังและดวงตา ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลาย หรือแม้แต่ลดริ้วรอยได้
       
       บูลเบอร์รี่ และองุ่นม่วง มีสารแอนโธไซยานินช่วยกระตุ้นความจำ และการรับรู้
       
       บล็อกโคลี่ มีสารซัลโฟราเฟน ช่วยชำระล้างสารพิษในร่างกาย โดยเฉพาะบล็อกโคลี่ต้นอ่อนที่มีอายุเพียงแค่ 3 วัน
       
       ผักโขม และผักใบเขียว ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ถึง 11 เปอร์เซ็นต์
       
       แซลมอน ซาร์ดีน และทูน่า รับประทานปลาที่มีโอเมก้า3 สองมื้อต่อสัปดาห์ทำให้หัวใจมีสุขภาพดี ช่วยลดปัญหาเรื่องการทำงานของสมองเสื่อมตามวัยได้
       
       แอปเปิ้ล (ทั้งเปลือก) มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องสมองจากการถูกทำลาย
       
       ชาเขียว เช่นเดียวกับชาดำ ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม
       
       ขิง ขมิ้น และเครื่องเทศ ช่วยป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์
       
       ช็อกโกแลต โกโก้ ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และลดความเสี่ยงจากเลือดจับตัวเป็นก้อน
       
       ไข่ ลืมข้อเสียเรื่องคอเลสเตอรอลที่เคยเชื่อกันมานานนมไปได้เลย เพราะไข่มีครบทั้งเกลือแร่ วิตามินและโปรตีน ไข่แดงยังอุดมไปด้วยคาโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม

วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552

"แดเนียล วู" : ดาราช่วยเหลือสังคม

ใครจะรู้ว่าแดเนียลในฐานะนักแสดงที่ครองใจแฟนคอหนังทั่วเอเชีย อีกหนึ่งบทบาทเขายังทำงานช่วยเหลือสังคมตามแนวดารารุ่นพี่อย่าง เจ็ทลี และ เฉินหลง อีกด้วย โดยเฉพาะในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน เมื่อปี 2551 นอกจากพวกเขาแล้ว นักแสดงอื่นๆทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ฮ่องกงต่างก็ทุ่มเทช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่




       ASTVผู้จัดการ ออนไลน์ - เป็นดาราหนุ่มฮ่องกงอีกคนที่เข้ามาแย่งซีนเด่นจากพระเอกรุ่นใหญ่เฉินหลง ในภาพยนตร์แนวแอคชั่น “ใหญ่ แค้น เดือด” (Shinjuku Insident) สำหรับ “แดเนียล วู” (อู๋ เอี๋ยนจู่) ลูกครึ่งอเมริกัน-จีน ซึ่งทุกวันนี้เรียกได้ว่างานล้นมือ เดินสายโปรโมททั่วเอเชียกันเลยทีเดียว
       
       แดเนียล วู หรือชื่อในภาษาจีนกลาง อู๋ เอี๋ยนจู่ หนุ่มตี๋วัย 34 ปี ที่ขณะนี้เป็นดาราหนุ่มสุดฮอตที่มีคนพูดถึงอย่างมากตามหน้าบันเทิงของ เว็บไซต์ต่างๆ ทั้งในจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนหนึ่งก็มาจากผลงานล่าสุดที่กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับดารารุ่นพี่เฉินหลง

       แรกเริ่มหนุ่มแดเนียล เดินเข้าสู่ถนนบันเทิงของฮ่องกงในปี 1997 กับงานนายแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังค่ายหนึ่ง จากนั้นจึงประเดิมผลงานภาพยนตร์ เรื่องแรก Young and Dangerous: The Prequel (1998)
       
       แต่เนื่องจากใช้ชีวิตในต่างแดนมานาน ความสามารถในการสื่อสารภาษาจีนกลางหรือกวางตุ้งจึงดูไม่เชี่ยวชาญนัก ไม่นานแดเนียลก็พยายามฝึกฝนภาษาจีนอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายกับการยอมรับว่าเขาก็เป็นชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งระยะหลังความทุ่มเทของหนุ่มแดเนียลก็แสดงผล เมื่องานในตลาดบันเทิงฮ่องกงต่างก็เรียกหา ว่ากันว่าความดีทั้งหมดก็หนีไม่พ้นเฉินหลงอีกเช่นเคย ที่กรุยทางเส้นนี้ให้ดาราหนุ่ม
       
       “แรกเริ่มผมกับพี่เขาเหมือนไอดอลและแฟนคลับที่มาเจอกัน ต่อมาได้ทำงานร่วมกันหลายครั้ง ก็เหมือนเพื่อนเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน คือพี่เขามองผมเหมือนลูกชายน่ะครับ” แดเนียลพูดถึงดารารุ่นพี่
       
       สำหรับชีวิตส่วนตัวของแดเนียล ดาราหนุ่มเปิดอกเตรียมสละโสดในเดือนพฤษภาคมนี้ กับลิซ่า แฟนสาวที่คบหากันมาเกือบ 7 ปี แถมยังบอกอีกด้วยว่าอยากเป็นพ่อก่อนอายุ 40

       


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์11 เมษายน 2552 02:34 น.




วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2552