Meeting Party ทุกศุกร์แรกของเดือน ณ iOffice หน้ากองบิน 41 เชียงใหม่

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Re: บทเรียนสำคัญ

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_241d246krfb&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

บทเรียนสำคัญ

บทเรียนสำคัญบทแรก - คนทำความสะอาด 

เมื่อครั้งที่ฉันเข้าเรียนในวิทยาลัยได้สองเดือน
 
อาจารย์ให้พวกเราทำแบบทดสอบอันหนึ่ง
 
ฉันเป็นนักเรียนที่ตั้งใจเรียน
 
จึงตอบคำถามได้อย่างสบาย จนมาถึงคำถามสุดท้าย
 

"
สุภาพสตรีที่เป็นคนทำความสะอาดโรงเรียนชื่อว่าอะไร?" 

ต้องเป็นเรื่องตลกอะไรสักอย่างแน่
 
ฉันเคยเจอคนทำความสะอาดหลายครั้ง
 
เธอเป็นคนตัวสูง ผมดำ และอายุกว่า
 50 
แต่ฉันจะรู้ชื่อเธอได้อย่างไร

ฉันส่งกระดาษคำตอบ โดยไม่ได้ตอบข้อสุดท้าย
 
ก่อนหมดคาบเรียน นักศึกษาคนหนึ่งถามว่า
 
คำถามข้อสุดท้ายจะถูกคิดรวมในคะแนนของผลการเรียนด้วยหรือไม่
 

"
แน่นอนอาจารย์ตอบ "เมื่อเธอเข้าทำงาน 
เธอจะต้องพบกับคนมากมาย
 
ซึ่งทุกคนมีความสำคัญพอ
 
ที่สมควรจะได้รับความสนใจและเอาใจใส่
 
แม้ว่าพวกเธอจะทำได้แค่เพียงยิ้มให้และกล่าวสวัสดีก็ตาม


ฉันไม่เคยลืมบทเรียนนั้นเลย
 
และได้รู้ว่าชื่อของสตรีคนนั้นคือ โดโรธี
 

2. 
บทเรียนสำคัญที่สอง - รับคนกลางฝน 

คืนหนึ่ง เวลา
 23:30 น. 
สตรีสูงอายุเชื้อสายแอฟริกันคนหนึ่ง ยืนอยู่ริมทางหลวง
 สาย อลาบามา พยายามต้านฝนที่ตกหนักอยู่ 
รถของเธอเสีย และเธอต้องการเดินทางต่อไปอย่างมาก
 แม้จะเปียกโชก เธอตัดสินใจโบกรถคันที่วิ่งผ่านมา ชายหนุ่มผิวขาวผู้หนึ่งหยุดรถเพื่อช่วยเหลือเธอ
ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ในยุคที่มีความขัดแย้ง
 
เรื่องการเหยียดผิวอย่างทศวรรษที่
 60 
ชายหนุ่มช่วยเหลือให้เธอได้รับความปลอดภัยและส่งเธอขึ้น รถแท๊กซี่
 

แม้ว่าเธอจะเร่งรีบมาก แต่ก็ขอบคุณเขา
 
และจดที่อยู่ของเขาไปด้วย
 
เจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีชายคนหนึ่งมาเคาะประตูบ้านของเขา
 ด้วยความประหลาดใจ 
โทรทัศน์สีจอยักษ์เครื่องหนึ่งถูกนำมาส่งยังบ้านของเขาและมีข้อ ความแนบมาด้วย
 ใจความว่า: 

"
ขอบพระคุณมากสำหรับความช่วยเหลือบนทางหลวงในคืนนั้น ฝนไม่ได้ชะแต่เพียงเสื้อผ้าของฉันเท่านั้น 
แต่ชะเอากำลังใจของฉันไปด้วย
 

แต่เมื่อคุณผ่านมา เป็นเพราะคุณ
 
ฉันจึงสามารถไปทันดูใจสามีที่กำลังจะเสียชีวิต
 
ทันเวลาก่อนที่เขาจะสิ้นลมพอดี ขอพระเจ้าอวยพรคุณ
 สำหรับการช่วยฉัน 
และการช่วยเหลือผู้อื่น อย่างไม่เห็นแก่ตัวของคุณ


ด้วยความจริงใจ นาง แนท คิง โคล
 

3. 
บทเรียนสำคัญที่สาม - ระลึกถึงคนที่ให้บริการเสมอ 
ในสมัยที่ไอศครีมซันเดยังมีราคาถูกอยู่มาก
 
เด็กชายอายุสิบขวบคนหนึ่งเข้าไปในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วนั่งที่โต๊ะ
 
เมื่อพนักงานเสริฟวางแก้วน้ำลงตรงหน้า
 เด็กชายก็ถามว่า 
"
ไอศครีมซันเดราคาเท่าใหร่ครับ?" 

"
ห้าสิบเซ็นต์พนักงานเสริฟสาวตอบ 
แล้วเด็กชายก็ดึงมือออกจากกระเป๋า
 
แล้วก็นับเ หรียญในมือ
 

"
งั้น ไอศครีมเปล่าๆล่ะครับราคาเท่าใหร่?" เด็กชายถามอีก 

ตอนนี้เริ่มมีคนรอโต๊ะมากขึ้นและพนักงานเสริฟสาวก็เริ่มจะหมด ความอดทน
 

"
สามสิบห้าเซ็นต์เธอตอบห้วนๆ 
เด็กชายนับเหรียญในมืออีกครั้ง
 

"
ผมขอไอศครีมเปล่าครับเด็กชายบอก 
แล้วพนักงานเสริฟสาวก็เอา
 
ไอศครีมมาให้ เอาใบเสร็จมาให้แล้วก็เดินหนีไป
 
เด็กชายทานไอศครีมหมดแล้ว ก็จ่ายเงินแล้วก็จากไปเมื่อพนักงานเสริฟเดินกลับมา
 
เธอก็เริ่มร้องไห้เมื่อเธอเช็ดโต๊ะบนโต๊ะนั้น
 
มีเหรียญนิกเกิลราคาห้าเซ็นต์สองเหรียญและเหรียญเพนนีอีกห้า เหรียญวางอยู่อย่างบรรจงข้างจานเปล่านั้น
 

เห็นไหมว่า เด็กชายไม่ทานไอศครีมซันเด
 
เพราะเขาต้องเหลือเงินไว้ทิปพนักงานเสริฟสาวคนนั้น
 

4. 
บทเรียนสำคัญที่สี่ - สิ่งที่กีดขวางทางของเรา 
ในยุคโบราณ มีหินผาตกลงมาขวางถนนเส้นหนึ่ง
 
เมื่อพระราชามาพบเข้าจึงซ่อนพระองค์อยู่
 
เพื่อคอยดูว่าจะมีใครมาเอาหินใหญ่ก้อนนั้นออกไปจากทาง
 เมื่อเสนาบดีในราชสำนักของพระองค์และพ่อค้าผู้ร่ำรวยผ่านมา ก็เพียงแต่อ้อมหินผาก้อนใหญ่นั้นไป 

พวกเขากล่าวตำหนิพระราชาต่างๆนานา
 
ที่พระองค์ไม่ใส่พระทัยที่จะดูแลทางนั้นให้ดี
 
แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรที่จะเอาหินนั้นออกไปให้พ้นทาง
 

จนกระทั่งชาวบ้านคนหนึ่งแบกผักกองใหญ่ผ่านมา
 
เมื่อเขาเดินมาถึงหินผานั้น เขาก็วางสัมภาระลง
 
แล้วพยายามที่จะขยับก้อนหินนั้นให้พ้นทาง
 
หลังจากทั้งผลักทั้งดึงหินก้อนนั้น
 
ในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
 

เมื่อเขาหยิบสัมภาระของเขาขึ้นมา
 
เขาก็เห็นถุงเงินวางอยู่ตรงจุดที่ก้อนหินผาเคยอยู่
 
ในถุงนั้นมีเหรียญทองและจดหมายจากพระราชา
 เขียนไว้ว่า 
ทองในถุงนั้นเป็นของผู้ที่เอาหินผาออกไปจากถนน
 
ชาวบ้านคนนั้นได้รู้สิ่งที่เราไม่เคยได้รู้
 

ทุกๆอุปสรรคที่กีดขวางทางนั้น จะมอบโอกาสที่เราจะดีขึ้น
 ให้กับเรา 

5. 
บทเรียนสำคัญที่ห้า - ให้เมื่อมีค่า 
หลายปีมาแล้ว
 
เมื่อฉันไปทำงานเป็นอาสาสมัครที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งฉันได้รู้จัก กับเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ
 ลิซ 
ซึ่งป่วยเป็นโรคร้ายที่มีน้อยคนที่จะเป็น
 
โอกาสที่เธอจะหายจากโรคนี้ได้คือต้องทำการถ่ายเลือดจากน้องชาย อายุห้าขวบของเธอ
 

ผู้ซึ่งรอดจากโรคร้ายนี้ได้อย่า งปาฏิหารย์
 
จึงทำให้เขาร่างกายเขาสร้างภูมิคุ้มกันโรคร้ายนี้ขึ้นมา
 
หมออธิบายสถานการณ์ให้น้องชายของเธอฟัง
 และถามเด็กชายว่า 
เขาต้องการจะให้เลือดของเขาแก่พี่สาวหรือไม่
 
ฉันเห็นเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดว่า
 

"
ได้ครับ หากมันช่วยพี่สาวผมได้
เมื่อทำการถ่ายเลือด เขานอนยิ้มอยู่ที่เตียงข้างๆพี่สาว
 ในขณะที่เราเริ่มจะเห็นสีสันคืนสู้แก้ม 
ของเธอ หน้าของเด็กชายก็เริ่มซีดและรอยยิ้มก็จางหายไป
 

เด็กชายมองไปที่หมอและถามด้วยเสียงสั่นเครือ
 

"
ผมกำลังจะตายใช่ไหม?" 
ด้วยความเป็นเด็ก เขาเข้าใจหมอผิดไป
 
เด็กชายคิดว่าเขาต้องให้เลือดทั้งหมดของเขาให้แก่พี่สาวเพื่อ ช่วยชีวิตเธอ
 

ตอนนี้คุณมีทางเลือกสองทาง
 

1. 
ลบข้อความนี้ไป หรือ 

2. 
ส่งข้อความนี้ให้ กับคนที่คุณห่วงใย 

ฉันหวังว่าคุณจะเลือกข้อ
 2. และจดจำไว้ว่า 

"
ทำงานให้เหมือนกับคุณไม่ต้องการเงิน 
รักให้เหมือนกับคุณไม่มีวันจะเจ็บปวดกับมัน
 
และเต้นรำให้เหมือนกับไม่มีใครมองคุณอยู่
" 
  

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Re: วิธีสังเกตมะเร็ง 14 ชนิด ( ดีมาก..ขอบอก..)

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_243gscj7sfc&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

วิธีสังเกตมะเร็ง 14 ชนิด ( ดีมาก..ขอบอก..)

อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย


> 1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ
> ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ
> สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด
> เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้


> 2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์
> หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่องท้อง


> 3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
> หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศสัมพันธ์
> มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย
> น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง


> 4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลูคีเมีย)
> อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว
> หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง
> ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ
> ช่องท้อง


> 5. มะเร็งปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ
> มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำ หนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บ
> หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ
> ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน


> 6. มะเร็งตับ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร
> น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ชัด


> 7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ


> 8. มะเร็งสมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ
> และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า
> และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ
> การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น
> อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการ
> เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย


> 9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก
> หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา
> หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ
> เป็นเวลานาน


> 10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที
> มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก
> หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้


> 11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร
> อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย
> บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ
> แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ


> 12. มะเร็งทรวงอก
> อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา
> ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด
> ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10
> คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น
> เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า
> ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน
> แน่


> 13. มะเร็งลำไส้ อาการ
> น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ
> มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
> **** ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิชชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น
> คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้


> 14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
> อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้
> เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง
> อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ
> หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด
> นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma )
> คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น
> กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50
> เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ
> ถึงท่าน ผู้โชคดี ขอให้ท่านนำเรื่องนี้ไปบอกต่อเป็นวิทยาทาน
> ท่านจะโชคดีมีความสุขตลอดกาล

Re: เหยือกเต็มหรือยัง ?

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_242d3fxv8gh&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

เหยือกเต็มหรือยัง ?

ชายหนุ่มคนหนึ่งได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนวิชาปรัชญาให้กับนักศึกษาปริญญาโท เขาเตรียม\ 
การสอนอยู่หลายวันจึงตัดสินใจจะสอนนักศึกษาเหล่านั้นด้วยแบบฝึกหัดง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยข้อคิด
 
 

เขาเดินเข้าห้องเรียนมาพร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ
 

เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ
 เหยือกแก้ว ขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม 

พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือยัง ?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท 


แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่นคิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน 
เต็มแล้ว... 


เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหันไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ
 


หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท
 กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับเขย่าเหยือกเบาๆ 
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก
 เขาหันไปถามนักศึกษาอีก 

“ 
เหยือกเต็มหรือยัง ?' 

นักศึกษามองดูอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ 
เต็มแล้ว... 

เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก
 เม็ดทราย ไหลลงไป 
ตามช่องว่างระหว่างกรวดกับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย
 เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก 

เขาหันไปถามนักศึกษาอีกครั้ง 
“ เหยือกเต็มหรือยัง ?' 

เพื่อป้องกันการหน้าแตกนักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน
 
หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจน

เวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น
 

“ 
คราวนี้เต็มแน่นอนครับอาจารย์ 

“ 
แน่ใจนะ 

“ 
แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ 
 
คราวนี้เขาหยิบ
 น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะแล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทรายลงไปจนหมด ทั้ง 
ชั้นเรียนหัวเราะฮือฮากันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
 

“ 
ไหนพวกคุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น 

“ 
ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียนวันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคนเรา 
ลูกเทนนิสเปรียบเหมือนเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
 เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ 
คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้
 


เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญรองลงมา
 เช่น งาน บ้าน รถยนต์ 


ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
 ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ 


เหยือกนี้เปรียบกับชีวิตของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา
 


ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน 


ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า
 

เพราะฉะนั้นในแต่ละวันของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข
 
ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสอง
 
ชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและ
 
เป็นห่วง เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจ
 
กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวเรา
 


นักศึกษาคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม
 “ แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไปล่ะครับ หมายถึงอะไร ?' 


เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า 
“ การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยากให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวายสับสนเพียงใด ในความสับสนและวุ่นวาย 
เหล่านั้นคุณยังมีที่ว่างสำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ... 

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

Re: 10 อันดับเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ที่สุด

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_241d478gwcb&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents