Meeting Party ทุกศุกร์แรกของเดือน ณ iOffice หน้ากองบิน 41 เชียงใหม่

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Face behind Facebook

ความเป็นอัจฉริยะเหนือมนุษย์ทั่วไป ปรากฏให้เห็นตั้งแต่วัยหนุ่ม 
ด้วยอายุเพียง ๒๐ ปี เท่านั้น 

เขาสร้างเนื้อสร้างตัวรวยเร็วที่สุด เท่าที่นิตยสาร Forbes 
เคยทำการสำรวจมาในหมู่ผู้ที่สร้างความร่ำรวยด้วยตนเอง !! 

ราคาหุ้นมีมูลค่าสูงกว่า ๕๐ ๐๐๐ ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็น 
มหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดอันดับหนึ่งของโลก ที่สร้างฐานะด้วยลำแข้ง 
ของตนเอง โดยใช้เวลาเพียงแค่ ๖ ปี เท่านั้นเอง !! 

หนุ่มผู้ที่กล่าวถึงนี้ คือ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก !! 

ผู้สร้าง Facebook.com ให้โลกได้รู้จัก และเป็นเครือข่าย 
สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้ใช้กันมากที่สุดในโลกขณะนี้



มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก CEO ของ Facebook.com 



มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Elliot Zuckerberg) มีเชื้อสาย 
ยิว - อเมริกัน เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๒๗ (ปัจจุบันอายุ 
๒๖ ปี) คนเก่งระดับโลก เช่น ไอน์สไตน์ ฟอน บราวน์ เป็นต้น มักมี 
เชื้อสายยิว - ผู้เขียน) 


เติบโตในย่าน Dobbs Ferry นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา 

เข้าศึกษาระดับมัธยมที่ Ardsley High School และจบมัธยมปลาย 
ที่ Phillips Exeter Academy ในปี ๒๕๔๕ 

สมัยเรียนไฮสกูล ซักเคอร์เบิร์กหัดเป็นโปรแกรมเมอร์ ตั้งแต่อยู่ 
ชั้น ป. ๖ เขากับเพื่อนสร้าง โปรแกรมสำหรับเรียนรู้นิสัยการฟังเพลงของ 
ผู้ใช้ Winamp และ MP3 และเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีทางอินเตอร์เน็ต 

คนเก่ง ๆ มักเรียนรู้ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่เด็ก ตรงกันข้าม 
กับเด็กไทยบางคน สนใจแต่เล่นเกมส์ และมีแนวโน้มจะมากขึ้น ผู้เขียน) 


ซัคเกอร์เบิร์กเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด หยุดเรียนไป 
กลางคัน และกลับมาลงทะเบียนเรียนอีกครั้งในปี ๒๕๔๙ ที่ฮาร์เวิร์ด 
ซัคเกอร์เบิร์กเริ่มต้น โครงการวิจัยหรือโปรเจ็กต์ชิ้นแรกกับเพื่อนร่วมห้อง 
Arie Hasit ชื่อของโปรเจ็กต์นี้คือ Coursematch เป็นบริการที่เปิดให้ 
นักศึกษาสามารถดูรายชื่อเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ 

โปรเจ็กต์ต่อมาคือ Facemash.com เว็บไซต์โหวตรูปนักศึกษา 
ฮาร์เวิร์ดว่าใครได้รับความนิยมชมชอบมากหรือน้อย 
แต่แล้วเมื่อโปรเจ็กต์ 
นี้ให้บริการจริงบนโลกออนไลน์เพียง ๔ ชั่วโมง มหาวิทยาลัยก็ลงดาบระงับ 
การใช้อินเทอร์เน็ตของซัคเกอร์เบิร์ก ด้วยข้อหาว่าโปรเจ็กต์นี้ของ 
ซัคเกอร์เบิร์กละเมิดนโยบายการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ 
และเป็นภัยต่อระบบความปลอดภัยคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัย 

ซัคเกอร์เบิร์กคลอดบริการนาม Facebook จากห้องพักตัวเอง 
ในมหาวิทยาลัยด้วยฤกษ์วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ 
บางแหล่งข่าวระบุว่า 
ซัคเกอร์เบอร์เขียน โปรแกรม FaceBook ชุดดั้งเดิมในเวลาไม่ถึง ๒ สัปดาห์ 
คราวนี้ไม่ใช่บริการโหวตรูปหรือบริการแสดงรายชื่อเพื่อนร่วมชั้น แต่เป็น 
บริการที่ให้นักศึกษาสามารถโพสต์ข้อมูลของตัวเองได้เท่าที่ต้องการ 





Dustin Moskovitz เืพื่อนและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook.com 
กับ Mark Zuckerberg 


แน่นอนว่าเฟสบุ้กได้รับความนิยมถล่มทลายในฮาร์เวิร์ด นักศึกษา 
ราว ๒ ใน ๓ แห่ลงทะเบียนใช้งานตั้งแต่ ๒ สัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการ ต่อมา 
ซัคเกอร์เบิร์กและเพื่อน Dustin Moskovitz เริ่มขยายบริการเฟสบุ้กไปยัง 
มหาวิทยาลัยอื่น เช่น สแตนฟอร์ด โคลัมเบีย และเยล โดยราว ๔ เดือน 
สถานศึกษาที่ใช้บริการ Facebook มีจำนวนราว ๓๐ แห่ง เมื่ออะไรก็ไปได้สวย 
ซัคเกอร์เบิร์กตกลงใจเดินทางไป Palo Alto แคลิฟอร์เนียพร้อม Moskovitz 
และกลุ่มเพื่อนช่วงฤดูร้อนปี ๒๕๔๗ ทั้งกลุ่มวางแผนกลับฮาร์เวิร์ดให้ทัน 
ฤดูใบไม้ร่วงแต่ก็เปลี่ยนใจอยู่ที่แคลิฟอร์เนียต่อไป และขาดเรียนที่ฮาร์เวิร์ด 
ตั้งแต่นั้น 

Facebook นั้น เป็นที่รู้จักในนามบริการออนไลน์ที่ทำให้ผู้ใช้ 
แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนที่อยู่ในสังคมเดียวกันแบบรวดเร็วทันใจ และเข้าถึง 
ทั้งข้อมูลแฟ้มภาพถ่ายเมื่อครั้งไปเที่ยว ภาพยนตร์ที่ชอบ และประวัติส่วนตัว 
ทั่วไป 

ต่างจากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์อื่นตรงที่ Facebook เป็นชุมชน 
ในโลกที่มีตัวตนอยู่จริง ใช้ชื่อ Email เดียวกันและต้องการทำความรู้จัก 
คนอื่น ๆ ในสังคมเดียวกัน ทั้งหมดนี้โดนใจชาวอเมริกันที่กระตือรือร้นอยาก 
จะรู้จักคนอื่นในสังคมเดียวกันให้มากขึ้น 

ซัคเกอร์เบิร์กได้พบกับ Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้งบริการชำระเงิน 
ออนไลน์ PayPal ซึ่งให้ทุนก้อนแรกมา ๕ แสนเหรียญ สำนักงาน Facebook 
แห่งแรกจึงกำเนิดขึ้นที่ University Avenue ในตัวเมือง Palo Alto นับจาก 
นั้นไม่กี่เดือน ปัจจุบัน Facebook มีอาคารสำนักงานในเมือง Palo Alto 
จำนวน ๔ อาคาร ซึ่งซัคเกอร์เบิร์กเรียกว่า " urban campus" หรืออาณาจักร 
วิทยาลัย 




จดหมายเปิดผนึกจาก Mark Zuckerberg เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ 
ที่น่าสนใจ เพื่อทราบแนวทางในการพัฒนา Facebook ในอนาคต 

ลักษณะการทำงานของ Facebook 



Facebook เปิดตัวในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ โดย มาร์ก ซักเกอร์ เบิร์ก ซึ่งขณะนั้น 
เป็นนักศึกษาหนุ่มน้อยวัยแค่ ๒๐ ปี จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง "ฮาร์วาร์ด" 
เขาร่วมมือกับเพื่อนอีก ๒ คน คิดค้นสร้าง เครือข่ายภายในรั้วมหาวิทยาลัย 
โดยให้นักศึกษาที่สนใจสามารถเข้ามาอัพเดตและ แบ่งปันข้อมูลส่วนตัวและ 
รูปภาพได้ จนได้รับความนิยมมากขึ้น จากภายในมหาวิทยาลัยกระจายสู่ 
มหาวิทยาลัยชั้นนำอื่น ๆ และขยายกลุ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วโลก 
เข้าลงทะเบียนใช้งานมากกว่า ๒๔ ล้านคน เฉลี่ยมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า 
๑๐๐ ๐๐๐ รายต่อวัน 


ลักษณะการทำงานของ Facebook 


มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหาและถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะ 
เข้าไปอยู่ในเครือข่ายของ Facebook ทันที ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์ 
เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ ต่อไปได้ โดยใน Facebook จะมี 
การแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกัน 
มา พูดคุย ติดต่อ เมาท์ หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้ 

บางคนอาจคิดว่า Facebook เหมือนกับ My space เว็บไซต์ 
เครือข่ายออนไลน์ที่ฮอตอยู่ในขณะนี้ แต่ Facebook มีมากกว่านั้น 
ความโดดเด่นของ Facebook คือผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริงและอีเมล์เดียวกัน 
ในการลงทะเบียนและมีความต้องการที่จะรู้จักคนอื่นที่มีตัวตนจริง ๆ บนโลก 
ใบนี้ 

นักวิจัยจากสถาบันแห่งหนึ่งจากอังกฤษกล่าวว่า Facebook ยอด 
เยี่ยมกว่า My space เพราะเหมาะสำหรับ "เด็กดี" ขณะที่ My space เหมาะ 
สำหรับ ขาร็อก ฮิปฮอป ศิลปิน หรือคนทำงาน 


ความร้อนแรงและความหอมหวานของFacebook แล 



ความร้อนแรง และความหอมหวานของ Facebook ทำให้บริษัท 
ออนไลน์ยักษ์ใหญ่ ของโลกอย่าง Yahoo.com เสนอซื้อกิจการด้วยมูลค่า 
สูงลิ่วถึง ๑.๖ พันล้าน แต่ได้รับการปฏิเสธจาก Mark Zuckerberg 
ก่อนหน้านี้ 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ยักษ์ใหญ่ Search Engine อย่าง Google ก็อยาก 
ได้ Facebook มาไว้ในครอบครอง ด้วยการยื่นข้อเสนอทุ่ม ๒.๖ พันล้าน 
ดอลล่าสหรัฐ ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา แต่ดูท่าทีของ CEO Zuckerberg 
แล้ว ยังอยากเก็บหุ้นส่วน และบริษัทของตัวเองไว้มากกว่า 

จากการทุ่มเสนอซื้อ Facebook ของ Google ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกต 
ว่าราคาสูงกว่า ที่เคยซื้อ Youtube มากทีเดียว ซึ่งเดิมที Google ได้ซื้อ 
Youtube มาด้วยราคา ๑.๖๕ พันล้าน 

ขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์ 


บิลล์ เกตส์ ผู้สร้างตำนานลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาก่อตั้ง 
ไมโครซอฟท์ เป็นนักลงทุนรายแรก ที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน ๒๔๐ ล้าน 
ดอลลาร์สหรัฐ แลกกับหุ้นเฟชบุ๊กเพียงแค่ ๑.๖ % เมื่อปลายปี ๒๕๕๐ 
ต้งแต่เฟซบุ๊กให้บริการมาได้แค่ ๓ ปี และมีผู้ใช้บริการเพียง ๕๐ ล้านคน 
ขณะนั้น รายได้ของเฟซบุ๊กก็ยังไม่มากมายเท่าทุกวันนี้ โดยสามารถทำเงิน 
เพียง ๑๕๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสินทรัพย์รวมไม่ถึง ๒๐๐ ล้านดอลลาร์ 
สหรัฐ 

กระนั้น การตัดสินใจของไมโครซอฟท์หนุนส่งให้มูลค่าตลาดของ 
เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น ๑ ๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในชั่วข้ามคืน 

ช่วงเวลานั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไมโครซอฟท์คงกินยาผิด 
ถึงได้ตัดสินใจขี่ช้างจับตั้กแตนขนาดนั้น แต่นักวิเคราะห์ที่รู้จริงกลับเดาทาง 
ถูกว่า เงินแค่ ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก เมื่อเทียบกับ 
สิ่งที่ไมโครซอฟท์หมายมั่นปั้นมือ 

นั่นคือ การแลกกับสินทรัพย์มหาศาลที่มองไม่เห็นในงบดุล จาก 
การเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนหลายสิบหลายร้อนล้านคนของ Facebook โดย 
เฉพาะลูกค้าต่างประเทศ และลูกค้าในวัยหนุ่มสาว ซึ่งไมโครซอฟท์ยังเข้า 
ไม่ถึง 


ขายหุ้นให้กับ DST สัญชาติรัสเซีย 



นอกจากนี้ ดีลประวัติศาสตร์อีกครั้งของ Facebook ก็คือตกลง 
ขายหุ้นนิดหน่อยให้กับกลุ่มนักลงทุนอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ สัญชาติรัสเซีย 
ดิจิตอล สกาย เทคโนโลยีส์" หรือ DST เพื่อแลกกับการเจาะตลาด 
Facebook ในแถบรัสเซีย และยุโรปตะวันออก ซึ่ง DST เป็นเจ้าของธุรกิจ 
และนายทุนใหญ่คุมตลาดอินเตอร์เน็ตทั้งภูมิภาคดังกล่าว 

ดีลประวัติศาสตร์นี้ ตกลงกันสำเร็จเมื่อเดือน พฤษภาคม ปีที่แล้ว 
โดยฝ่ายนายทุนหมีขาวใจป้ำยินดีจ่ายเงิน ๒๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ แลก 
เปลี่ยนกับหุ้นบุริมสิทธิแค่ ๑.๙๖ % ของหุ้น Facebook ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่า 
รวม ๑๐ ๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมรับปากว่าจะไม่มีตัวแทนในบอร์ด 
บริหารและไม่ก้าวก่ายเรื่องการบริหาร ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญของ 
Facebook ตลอดมา 


ชีวิตส่วนตัว ของ Mark Zuckerberg 






ถึงแม้จะร่ำรวยทั้งเงินทองและชื่อเสียงชนิดหาตัวจับยาก แต่ทุก 
วันนี้ CEO หนุ่มแห่ง Facebook ยังคงใช้ชีวิตสมถะไม่แตกต่างจากเดิม 

เขาชอบสวมสเวตเตอร์เชิ้ตสีน้ำตาล กับกางเกงสแล็กสีกากีง่าย ๆ 
และรองเท้าแตะอาดิดาสคู่โปรด 

ยังคงเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ อยู่ใกล้ออฟฟิศทำงานย่าน พาโล 
อัลโต 
ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เหมือนเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้ง 
Facebook ใหม่ ๆ ภายในห้องมีแค่ฟูกนอนราคาถูก โต๊ะทำงานตัวเดียว 
กับเก้าอี้สองตัว 

ส่วนอาหารเช้าของมหาเศรษฐี ก็ยังเป็นซีเรียลใส่นมในชาม 
กระดาษกับช้อนพลาสติก 

และใครจะเชื่อว่าเขายังขี่จักรยาน หรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน !!! 

วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Re: TubeOke l ร้องเกะที่หน้าจอคอมฯ

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_308dtqjqbgx&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

TubeOke l ร้องเกะที่หน้าจอคอมฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2553 12:55 น.
www.tubeoke.com ร้องคาราโอเกะออนไลน์
       

       เพราะการร้องเพลงช่วยลดความตึงเครียดได้ และการร้องเพลงภาษาอังกฤษก็ช่วยฝึกการออกเสียงให้เหมือนเจ้าของภาษาได้ เพื่อการเรียนรู้อย่างสนุกสนาน จึงอยากแนะนำให้คุณรู้จักกับเว็บไซต์ใช้งานง่ายๆ ให้คุณร้องคาราโอเกะได้จากที่บ้าน!
       
       
TubeOke.com คือ เว็บไซต์ที่ให้คุณค้นหาชื่อเพลง หรือชื่อศิลปิน เป็นภาษาอังกฤษจากนั้นระบบก็จะนำคลิปวิดีโอของยูทูบที่เป็นมิวสิกวิดีโอเพลงนั้นๆ มาแสดงพร้อมกับเนื้อร้องภาษาอังกฤษด้านข้างของจอ ให้คุณร้องตามเหมือนกำลังร้องคาราโอเกะอยู่ในร้านได้ทันใจ

       

       วิธีใช้งาน TubeOke
       

       
แค่พิมพ์ชื่อเพลงฝรั่ง หรือชื่อนักร้องเป็นภาษาอังกฤษ ที่ตั้งใจจะฝึกร้องให้เป็นเพลงหากินของคุณลงไปในช่องค้นหา เมื่อคลิปเพลงขึ้น ก็ดูเนื้อและร้องเพลงตามได้เลย
       
       
ข้อดี
       
       * ใช้งานง่าย
       
       * ไม่ต้องสมัครสมาชิก
       
       * ไม่มีค่าใช้จ่าย
       
       
ข้อเสีย
       
       * ไม่มีเพลงไทย เพราะถึงแม้เจอมิวสิกวิดีโอเพลงไทย แต่ระบบของ TubeOke ไม่ได้ดึงฐานข้อมูลเนื้อเพลงของไทยมาแสดงด้วย
       
       * ไม่ตัดเสียงให้มีแต่ทำนองเหมือนคาราโอเกะทั่วไป
       
       * ยังไม่มีการแสดงเนื้อหาให้สัมพันธ์กับท่อนเพลงที่กำลังร้อง
       
       ถึงแม้จะมีความสามารถของการเป็นคาราโอเกะไม่เต็ม 100% แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่าจะสร้างเสียงเพลง และความสุขในครอบครัว หรือห้องเรียนได้ถึง 110% อย่างแน่นอน
       
       
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ TubeOke
       

       เป็นเว็บไซต์ซึ่งจัดทำโดยผู้ให้บริการเครือข่ายร้านคาราโอเกะในลอนดอน และมีผู้คนเข้าใช้งานมากที่สุดมาจากประเทศอินเดีย
       
       
หมายเหตุ : คุณสามารถร้องเพลงคาราโอเกะจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเพลงไทยในเครือแกรมมี่ได้จากเว็บไซต์ daraoke.com (แต่ต้องลงโปรแกรมและมีค่าใช้จ่าย)

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Re: เศรษฐีกับยาจก นั้นต่างกัน!?

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_308gtnfvh6h&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

เศรษฐีกับยาจก นั้นต่างกัน!?

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์7 กรกฎาคม 2553 03:53 น.

"บ้านคือวิมาน" แต่บ้านของผู้นำประเทศร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก กับ บ้านของผู้นำประเทศยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในโลกนั้น ช่างแตกต่างกัน
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์— สิ่งที่เรียกกันว่า “บ้าน” ของจูเลีย กิลลาร์ด (Julia Gillard) นายกรัฐมนตรีหญิงแห่งออสเตรเลีย กับ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน นั้นช่างแตกต่างกันมาก ทั้งๆ ที่บุคคลทั้งสองเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยด้วยกัน ในระบบที่มี 2 สภาเช่นกัน และ มาจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน 
       
       ต่างกันเนื่องจากบ้านของนายกฯ ออสเตรเลีย เป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็ก สามารถเรียกว่า "กระต๊อบ" ได้ เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ "วิมานเอกราช" (Vimean Ekareach) ในกรุงพนมเปญ อันเป็น "บ้าน" ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ดอกเตอร์ฮุนเซน
       
       มันแตกต่างกันอย่างเป็นเท่าทวี เมื่อกระต๊อบของกิลลาร์ด อยู่ในดินแดนที่ร่ำรวยที่สุดอีแห่งหนึ่งในโลก ออสเตรเลียมีประชากร 22,410,165 คน ผลผลิตมวลรวมภายใน (2552) มีมูลค่า 851,170 ล้านดอลลาร์ รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต่อปี 38,910 ดอลลาร์
       
       แต่คฤหาสน์ของผู้นำกัมพูชา ตั้งอยู่ในดินแดนที่ยากจนสุดๆ ของโลก กว่าครึ่งหนึ่งของประชากร มีชีวิตอยู่ใต้เส้นแบ่งขีดความยากจนขององค์การสหประชาชาติ ดำรงชีพอยู่ด้วยรายได้เฉลี่ยไม่ถึง 1 ดอลลาร์ในแต่ละวัน
       
       กัมพูชามีประชากรประมาณ 14,805,000 คน ผลผลิตมวลรวมภายในปีที่แล้ว 11,453 ล้านดอลลาร์ รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรต่อปี 805 ดอลลาร์
       
       จูเลีย กิลลาร์ด เข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ของพรรคแรงงานในวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นเป็นรองนายกฯ อยู่ 3 ปี ต่อสู้ทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมาเป็นเวลากว่า 20 ปี
       
       นายกรัฐมนตรีกัมพูชาครองอำนาจมาติดต่อกันเป็นปีที่ 24 นับตั้งแต่กองทัพเวียดนามนำขึ้นสู่อำนาจในกรุงพนมเปญในเดือน ม.ค.2522 พร้อมกับผู้นำคนอื่นๆ ของพรรคประชาชนกัมพูชาในปัจจุบัน


ภาพจากอินเทอร์เน็ต นายกฯ ออสเตรเลีย เมื่อครั้งที่เปิดกระต๊อบ... เอ่อออ บ้าน เลี้ยงบาร์บีคิวกับสมาชิกครอบครัวและเพื่อนบ้าน
       ฮุนเซนแพ้การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ที่องค์การสหประชาชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2536 แต่อาศัยที่มีกองทัพและกำลังตำรวจอยู่ในมือ ทำให้สามารถต่อรองทางการเมืองจนได้เป็น "นายกรัฐมนตรีคนที่ 2" ได้ แต่ต่อมาในปี 2539 ก็ได้ทำรัฐประหารโค่น สมเด็จฯ กรมหลวงรณฤทธิ์ "นายกรัฐมนตรีคนที่ 1" ลงจากอำนาจ
       
       เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ระบอบฮุนเซนใช้ทั้งกฎหมายและอำนาจเถื่อนกำจัดคู่แข่งทางการเมืองไปทีละคนๆ ในที่สุดก็ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นในปี 2551
       
       พรรคประชาชนกัมพูชาชุมนุมรำลึกวันครบรอบการก่อตั้งสัปดาห์ที่แล้ว ประกาศจะส่งฮุนเซน ลงสมัครรับเลือกตั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นผู้นำรัฐบาลต่อไป
       
       ปัจจุบันออสเตรเลียเป็นประเทศผู้บริจาครายหนึ่ง ที่ให้่ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาประจำทุกปี.


นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเปิดวิมานเอกราช ต้อนรับแกนนำพรรคเผา... เอ่อออ เพื่อไทย วันที่ 14 ธ.ค.ปีที่แล้วในภาพแฟ้มของเอเอฟพี นั่นคือเหตุการณ์ปล่อยตัว "จารชน" ชาวไทยอันอื้อฉาว ก่อนหน้านี้ก็ได้เปิดต้อนรับนักโทษชายหนีคดีจากประเทศไทยแล้วครั้งหนึ่ง

วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Re: Faith the dog

เอกสารนี้ถูกนำเข้ามายัง Google Documents ในชื่อของคุณ:
http://docs.google.com/Doc?id=dcgbc9mf_308hmr2x8ct&invite=
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ทีม Google Documents

Faith the dog


Meet Faith the Dog

This dog was born on Christmas Eve in the year 2002. He was born with  2  legs -
He of course could not walk when he was born. Even his mother did not want him.

 
สุนัขตัวนี้เกิดในวันก่อนคริสมาส ปีค.ศ. 2002 มันเกิดมามีเพียง 2 ขา และแน่นอนว่าเดินไม่ได้มาตั้งแต่เกิด แม้แต่แม่ก็ยังไม่ต้องการลูกตัวนี้
 
His first owner also did not think that he could survive and he was thinking of 'putting him to sleep'.

But then, his present owner, Jude Stringfellow, met him and wanted  to take care of him.

She became determined to teach and train this little dog to walk by himself.
She named him 'Faith'..

เจ้าของคนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะสามารถมีชีวิตรอดได้และกำลังตัดสินใจว่าจะ "ทำให้มันหลับไปเลย"(ก็คือฉีดยาให้ตายนั่นแหละ) แต่แล้ว เจ้าของคนปัจจุบัน จูด สตริงเฟลโลว ก็มาพบและต้องการจะเลี้ยง  เธอตัดสินใจแน่วแน่ที่จะสอนและฝึกให้สุนัขน้อยตัวนี้เดินได้ด้วยตัวเอง เธอตั้งชื่อลูกสุนัขตัวนี้ว่า "เฟธ”( FAITH = ศรัทธา)


In the beginning, she put Faith on a surfboard to let him feel the movement. Later she used peanut  butter on a spoon as a lure and reward for him for standing up and jumping around.

Even the other dog at home encouraged him to walk.

 

ในตอนแรก เธอจับมันนอนบนกระดานโต้คลื่นเพื่อให้มันได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหว ต่อมาเธอก็ป้ายเนยถั่วไว้ในช้อนเพื่อล่อให้มันยืนขึ้นและกระโดดไปรอบ ๆ และให้มันกินเป็นรางวัลเมื่อทำได้สำเร็จ แม้แต่สุนัขตัวอื่น ๆ ในบ้านก็ยังช่วยสนับสนุนให้มันเดิน
 
Amazingly, only after 6 months, like a miracle, Faith learned to balance on his hind legs and to jump to move forward.

 

เป็นที่น่าประหลาดใจ หลังจากผ่านไปเพียงหกเดือน ก็เกิดอัศจรรย์ เฟธเรียนรู้ที่จะยืนด้วยขาหลังและกระโดดไปรอบ ๆ เพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
 
After further training in the snow, he could now walk like a human being.

หลังจากการฝึกฝนเพิ่มเติมด้วยการเดินลุยหิมะ ตอนนี้มันสามารถมันสามารถเดินได้เหมือนมนุษย์


Faith loves to walk around now.

ตอนนี้เฟธชอบการเดิน
 
No matter where he goes, he attracts people to him. He is fast becoming famous on the international scene and has appeared on various newspapers and TV shows.

ไม่ว่ามันจะเดินไปที่ไหน มันดึงดูดความสนใจจากคนที่ได้เห็น มันมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในระดับนานาชาติและได้ปรากฎตัวในหนังสือพิมพ์หลายฉบับและรายการทีวีอีกมากมาย
 
There is now a book entitled 'With a Little Faith' being published about him.

He was even considered to appear in one of Harry Potter movies.

ขณะนี้มีหนังสือชื่อว่า "With a Little Faith" ได้ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับมัน เฟธยังเคยได้รับการพิจารณาให้ร่วมแสดงในภาพยนตร์แฮรี่ พอร์ตเตอร์อีกด้วย

 
 

 

His present owner Jude Stringfellew has  given up her teaching post and plans to take him around the world to preach that even without a perfect body, one can have a perfect soul'.

 

เจ้าของคนปัจจุบัน จูด สตริงเฟลโลว หมดหน้าที่ในการสอนและวางแผนที่จะพามันเดินทางไปรอบโลกเพื่อไปแสดงให้ผู้คนเห็นว่า ทุกคนสามารถจะมีจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ได้ ถึงแม้ว่าจะปราศจากร่างกายที่สมบูรณ์

 
 

 

 

 

 

 

 

In life there are always undesirable things, so in order to feel better you just need to look at life from another direction.

 
ชีวิตมักต้องเผชิญสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น คุณก็เพียงจำเป็นต้องมองดูชีวิตในอีกแง่มุมหนึ่ง
 
 
I hope this message will bring fresh new ways of thinking to everyone and that everyone will appreciate and be thankful for each beautiful day.

 
ฉันหวังว่าข้อความนี้ จะนำแนวคิดใหม่ที่สดใสมาให้กับทุกคน และหวังว่าทุกคนจะชื่นชมและรู้สึกขอบคุณสำหรับแต่ละวันที่สวยงาม
 
Faith is the continual demonstration of the strength and wonder of life
.
 
ศรัทธายังคงเป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึง พลังและความพิศวงของชีวิตต่อไป
 



A small request:
All you are asked to do
Is keep this story circulating

 

คำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ :
ขอให้ทุกท่านส่งเรื่องนี้ต่อ ๆ กันไป